เถียงกันไปก้อเท่านั้นไม่ว่าจะเป็นมักทายกสมัยไหนๆๆก้อเป็นเหมือนกันหมดทุกสมัย
ไม่มีใครผิดต่างก้อต้องมีการโกงกินกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดาเหตุใดเล่าถึงทำให้มีวัดเกิดขึ้นมาอีกพวกคุณๆๆก้อลองคิดดูพระไม่ลำบากเลยแต่ชาวบ้านสิลำบากหาเงินมาได้ถึงมีหรือไม่มีก้ออยากจะทำบุญอีกนั้นแหละแต่พระบ้านเราเขาไม่เห็นคุณค่าของเงินนำเงินไปใช้จ่ายแบบสุรุยสุร่ายมีคอมพิวเตอร์มีรถเก๋งมีเครื่องเสียงซีดีครบครันยิ่งกว่าบ้านพวกคุณอีกเงินมีเท่าไหร่ก้อไม่พอจ่ายหรอกค่าน้ำค่าไฟอ่ะ

เขียนโดย   คุณ บ้านใกล้วัดเหมือนกัน

ไม่ใช่มีแต่ขี้ อีเจียเด้อที่ที่มีประโยชน์ ถึงเราจะหางบเงินมาพัฒนาอยากแค้เราอย่าไปรบกวนมันมากให้มันอยู่บ้านเราตลอด...แล้วเราก็ประชาสัมพันธ์ให้คนรู้จักเขาจะใด้มาเทียวดูมัน....

เขียนโดย   คุณ ลูกตาพรม

คนที่เสียสละหายากมีแต่คนจ้องเหยียบกันทั้งนั้นแหละพี่น้อง

เขียนโดย   คุณ คนขายนำ้มัน

ต้องมีสักวันเขาจะคิดใด้...จะรู้ว่าการให้คือความสุขที่ยั้งยืน...

เขียนโดย   คุณ ลูกตาพรม

ทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเหมือนจังหวัดนครสวรรค์  มีถ้ำมีค้างคาวเหมือนกัน   เคยไปบ้านมุงตั้งแต่เด็กมีเพื่อนที่ ม. 4   ที่นี่เจริญมากกว่าที่คิด   ควรทำค้างคาวให้เป็นประโยชน์มากกว่านี้ทำให้เหมือนกันกับที่นครสวรรค์

เขียนโดย   คุณ ฐานิต นักพัฒนาชุมชน

จริงครับ คุณฐานิต  ผมว่าเราไม่ต้องสร้างอะไรเพิ่มเลยขอให้มันอยู่กับเราตลอดก็พอที่เหลือเรา แค้ประชาสัมพันธ์อย่างเดียว...ไม่ใช่แค้ หมู่บ้านตำบลอำเภอมันต้องระดับจังหวัดที่ขาดประชาสัมพันธ์..

เขียนโดย   คุณ ลูกตาพรม

ครับผม ก็เห้นด้วยนะครับสำหรับหลายๆ ความคิดเห็นที่ส่งเข้ามาในเรื่องของ ค้างคาว แต่ถ้าจะบอกว่าทุกคนผิดหมด.....จะเชื่อผมหรือไม่ก็แล้วแต่นะครับ เพราะผมมีความเห็นว่าเรื่องของ ธรรมชาติก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไปตาม ธรรมชาติจริงใหมครับถ้าเป็นที่ท่องเที่ยวชึ้นาจริงๆคุณคิดว่าจะได้อะไรและจะเสียอะไรไปบ้างละครับ สิ่งที่เสียไปแน่ๆ ความเป็นชุมชนที่เข้มแข็งก็จะสูญหายไป เพราะทุกคนจะมุ่งแต่หาผลประโยชน์ใส่ตัว ( เหมือนอย่างที่เป็น ) และหลักธรรมก็ยังสอนอีกว่าการเบียอเยียนกันมันไม่ดี มีใครเคยศึกษาเกี่ยวกับค้างคาวบ้างหรือไม่ว่าเขาชอบอยู่อย่างไร และการไปเอาขี้เขามาเขารู้สึกอย่างไร ( ธรรมชาติของสัตว์ ) เรื่องกรรมการวัด หรือเรื่องโรงโม่หินที่ทุกคนพยายามทำให้มันเป็นเรื่องเดียวกันรวมถึงเรื่องขี้ค้างคาวด้วย หากจะมองให้จริงผมว่าเป็น กรรมของคนบ้านมุงที่ร่วมกันกระทำมานานแล้ว จากความสามัคคีกลายเป็นแตกสามัคคี จากความช่วยเหลือกันกลายเป็นความอิจฉาริษยากัน แก่งแย่งแข่งขันกัน อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้...หรือคุณ คุณ และ คุณ คิดว่าไม่จริง

เขียนโดย   คุณ ผู้มาเยือน ( เกิดบ้านมุง )

คุณบ้านใกล้วัดเหมือนกัน ครับ คุณรู้ความจริงหรือเปล่าที่มาตัดสิน กรรมการวัด หรือแม้แต่พระคุณก็ยังกล้าตัดสิน คุณคิดว่ารู้จริงก็ลองตอบคำถามหน่อยสิครับ ที่พระใช้คอม คุณคิดว่าท่านใช้ทำอะไร แล้วที่ซื้อรถท่านซื้อไว้ทำอะไร แล้วลองย้อนกลับไปถามตัวเองซิว่าคุณนำเงินมาทำบุญหรือมาถวายให้พระปีหนึ่งเป็นเงินเท่าไร กล้าคิดหรือเปล่าครับ ( monk )

เขียนโดย   คุณ monk

ขอถามนิดนึงครับ ลบโพสของคนอื่นทำไม หรือว่าฟังความข้างเดียว...ความเป็นกลางความเป็นธรรมในสังคมนี้มันจะมีอยู่หรือเปล่าครับ แบ่งกันทำไม ( ชีวิตของพวกเราถูแบ่งกันมาตั้งแต่ลืมตามาดูโลกแล้วครับยังไม่พออีกเหรอครับ แบ่งเพศ แบ่งบ้าน แบ่งเรือน แบ่งเขตปกครอง แบ่งชาติ แบ่งศาสนา แบ่งความคิดเห็น แบ่งพรรค แบ่งพวก แบ่งสี แบ่งฐานะ แบ่งสังคม แบ่งความสำคัญ แบ่ง..ฯลฯ ที่จะบรรยายหมดพวกคุณคิดว่ามันยังไม่พอใช่ใหมครับ
(จากผู้หวังดีต่อมนุษยชาติ โดยไม่มีการแบ่งแยก)

เขียนโดย   คุณ Mong

เพราะว่าคุณลูกตาพรม เป็นอีกฝ่ายที่คิดเห็นไม่ตรงกันมันก็เลยเป็นเรื่อง
( พระราสชำรัสของพระบทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๕ ตอนหนึ่งว่า จงหาคนที่ดีทั้งหมดเพราะว่า คนดีทั้งหมดนั้นไม่มี แต่จงหาคนที่เลวน้อยที่สุดมาบริหารประเทศ )
   คิดว่าผู้มีการศึกษา หรือปัญญาชนก็น่าจะเข้าใจในเรื่องนี้ดี หลักของผู้บริหารระดับต้น ระดับกลาง และระดับสูง ที่เหมือนกันคือการแสวงหาบุคคลเข้าทำงานต้องมีการคัดเลือก และมีการสอบหรือสัมภาษณ์ ซึ่งทางวัดก็ได้ทำและทำโดยโปร่งใสด้วยครับ

เขียนโดย   คุณ Mong